ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกประเทศต้องเผชิญอย่างเร่งด่วน ภาคพลังงานและภาคคมนาคมถือเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลัก โดยเฉพาะการใช้พลังงานฟอสซิลในยานยนต์สันดาปภายในที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูง การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานสะอาดจึงต้องให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคคมนาคมควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าที่สะอาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่มีบทบาทในการลดคาร์บอน (Decarbonization) ของระบบพลังงาน เนื่องจากสามารถทดแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ลดมลพิษทางอากาศ และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านการบูรณาการกับโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) และระบบ Vehicle-to-Grid (V2G) นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เช่น Lithium-ion และ Solid-state battery รวมถึงการจัดการวงจรชีวิตแบตเตอรี่ (Battery Recycling และ Second-life Application) ยังช่วยเพิ่มความยั่งยืนของระบบยานยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว หลายประเทศทั่วโลกได้ออกนโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เช่น มาตรการทางภาษี เงินอุดหนุน การจำกัดการขายรถยนต์สันดาปภายในในอนาคต รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Infrastructure) เพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการใช้ EV อย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันยังมีความท้าทายที่ต้องพิจารณา เช่น ต้นทุนการลงทุนเริ่มต้นสูง ความพร้อมของโครงข่ายไฟฟ้า การบริหารจัดการการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า และการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์จากแบตเตอรี่หมดอายุ
การศึกษาในหัวข้อ “บทบาทของยานยนต์ไฟฟ้าในการลดคาร์บอน: นโยบาย เทคโนโลยี กรณีศึกษา โอกาสและความท้าทายในยุคพลังงานสะอาด” จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อทำความเข้าใจบทบาทของยานยนต์ไฟฟ้าในบริบทของการลดคาร์บอนระดับประเทศและระดับโลก วิเคราะห์นโยบายสนับสนุนของภาครัฐ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกรณีศึกษาจากประเทศที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงโอกาสและความท้าทายในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุคพลังงานสะอาดและความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตามเป้าหมายปี 2050
สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) หรือ IEEE Power & Energy Society (Thailand) ร่วมกับ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (Electric Vehicle Association of Thailand – EVAT) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงได้จัดให้มีการอบรมเชิงวิชาการเรื่อง “ บทบาทของยานยนต์ไฟฟ้าในการลดคาร์บอน: นโยบาย เทคโนโลยี กรณีศึกษา โอกาสและความท้าทายในยุคพลังงานสะอาด” ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาภาคขนส่งและอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุนวิชาการจาก กฟภ. กฟน. บีโอไอ TESTA บริษัทผู้ประกอบการ ผู้ผลิต และสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในงานภาคปฏิบัติโดยตรง
วัตถุประสงค์
1. สร้างความรู้ ความเข้าใจพื้นฐานของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ระบบการอัดประจุไฟฟ้า การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและการประยุกต์ใช้งานแก่ผู้สนใจลงทุน ผู้ให้บริการออกแบบ ทดสอบและติดตั้งใช้งาน ตลอดจนวิศวกรและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้อง
2. เปิดโอกาสให้ปรึกษาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้เข้าสัมมนาทุกคน และรับทราบแนวทางในการดำเนินการและเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
กลุ่มเป้าหมาย
1. วิศวกรและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า
2. ผู้ให้บริการออกแบบ ทดสอบและติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จไฟฟ้า
3. ผู้สนใจลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและระบบโครงสร้างพื้นฐาน
4. บุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้อง และบุคคลทั่วไปที่สนใจ